ทิศนา
แขมมณี (2554
: 45-48) ได้ให้ความหมายไว้ว่าการฝึกจิตหรือสมองหรือสติปัญญาสามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึกมีแนวคิดแยกออกเป็น
2 กลุ่มย่อย คือ
1.
กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อดังนี้
1.1 ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่ว
1.2 หลักการจัดการศึกษา/การสอน
การฝึกสมองให้เป็นระเบียบ
2.
กลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์ มีความเชื่อดังนี้
2.1 ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
เกิดจากความสามารถ
2.2 หลักการจัดการศึกษา/
การสอน การพัฒนาผู้เรียนโดยการกระตุ้น
สุรางค์
โค้วตระกูล (2544:56) กล่าวว่า
ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้และหลักการสอนในช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 และการประยุกต์สู่การสอน สามารถจัดแยกได้เป็น 3
กลุ่มคือ 1.1 กลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง (Mental
Discipline) นักคิดกลุ่มนี้เชื่อว่า จิตหรือสมองหรือสติปัญญาสามารถพัฒนาได้โดยการฝึก
นักคิดกลุ่มนี้มีแนวคิดแยกออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ
1. กลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า
(Theistic Mental Discipline ) นักคิด คือ
เซนต์ออกุสติน จอห์น คาลวิน และคริสเตียน โวล์ฟ นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อเรื่อง
1.1 มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความชั่ว
การกระทำใด ๆ ของมนุษย์เกิดมาจากแรงกระตุ้นภายในตัวมนุษย์เอง (Bad-active)
1.2 มนุษย์พร้อมที่จะทำความชั่วหากไม่ได้รับการสั่งสอนอบรม
1.3 สมองของมนุษย์นั้นแบ่งออกเป็นส่วน
ๆ ซึ่งหากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมจะช่วยทำให้เกิดความเข้มแข็ง
สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
1.4 การฝึกสมอง
หรือฝึกระเบียบวินัยของจิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาให้มนุษย์เป็นคนดีและฉลาด
1.5 การฝึกฝนสมองให้รู้จักคิด
ต้องใช้วิชาที่ยาก เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ปรัชญา ภาษาลาติร ภาษากรีก
และคัมภีร์ไบ-เบิล เป็นต้น
2. ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์
(Humanistic Mental Discipline) นักคิดคนสำคัญ คือ
พลาโต และอริสโตเติล นักคิดกลุ่มนี้เชื่อ
2.1 พัฒนาการเป็นเรื่องของมนุษย์
มิใช่พระเจ้าบันดาลมา
2.2 มนุษย์เกิดมามีลักษณะไม่ดี
ไม่เลว และการกระทำของมนุษย์เกิดจากแรงกระตุ้นภายใน
2.3 มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง
2.4 มนุษย์มีความรู้ติดตัวมาแต่เกิด
แต่ถ้าขาดการกระตุ้นความรู้จะไม่แสดงออกมา
สยุมพร.
(https://www.gotoknow.org/posts/341272) ได้กล่าวไว้ว่า ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง(Mental Discipline) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า
จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก
ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ
ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย(Didactic
Method) เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
สรุป
ทฤษฎีนี้เน้นการฝึกจิตหรือสมอง พัฒนาโดยการฝึกให้จนคล่อง
เน้นการพัฒนาผู้เรียนโดยการกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงออก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในพระเจ้า
และทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์
ทฤษฎีของกลุ่มแรกนั้นเป็นการฝึกสมองหรือการฝึกระเบียบของจิตอย่างเข้มงวดและการจัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาคัมภีร์ใบ-เบิล
และยึดถือในพระเจ้า จะช่วยให้ผู้เรียนเป็นคนดี ส่วนทฤษฎีของกลุ่มที่เชื่อในความมีเหตุผลของมนุษย์
พัฒนาการในเรื่องต่าง ๆ เป็นความสามารถของมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้าบันดาลให้และการพัฒนาผู้เรียนไม่จำเป็นต้องใช้การบังคับ
เคี่ยวเข็ญ แต่ควรใช้เหตุผลเพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการใช้เหตุผล
ที่มา
ทิศนา แขมณี. (2552). ศาสตร์การสอน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรางค์
โค้วตระกูล.
(2541). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุยมพร.[online].(https://www.gotoknow.org/posts/341272). ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้.สืบค้นเมื่อ 12 กรกฎาคม 2558.