พรหมมา
วิหกไพบูลย์ (2558)
http://learntheory58.blogspot.com/2015/06/blog-post.html
ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ
(Theory of Cooperative or Collaborative Learning) ไว้ดังนี้ แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ
การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3
– 6 คน
ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน
ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้
การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้
โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน
ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ
โดยวิธีการที่หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม
เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่ม
ณัชชากัญญ์
วิรัตนชัยวรรณ (2553) https://www.l3nr.org/posts/386486
ได้กล่าวถึงทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ(Theory of Cooperative or
Collaborative Learning) ไว้ดังนี้ แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ
3 – 6 คน
ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม
โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้
ทิศนา แขมมณี (2554:98-106) ได้รวบรวมและกล่าวถึงทฤษฏีนี้ไว้ว่า การเรียนรู้แบบร่วมมือ คือ
การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3
– 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม
นักการศึกษาที่สำคัญที่เผยแพร่แนวคิดของการเรียนรู้แบบนี้ คือ สลาวิน (Slavin)
เดวิด จอห์นสัน (David Johnson) รอเจอร์
จอห์นสัน (Roger Johnson) กล่าวว่า ในการสอนโดยทั่วไป
เรามักจะไม่ให้ความสัมพันธ์และปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน
ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับผู้เรียน
หรือระหว่างผู้เรียนกับบทเรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนมี 3 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะแข่งขันกัน
ผู้เรียนแต่ละคนจะพยายามเรียนให้ได้ดีกว่าคนอื่น เพื่อให้ได้คะแนนดี
ได้รับการยกย่อง หรือได้รับการตอบแทนในลักษณะต่าง ๆ
2. ลักษณะต่างคนต่างเรียน คือ
แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบดูแลตนเอง ให้เกิดการเรียนรู้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น
3. ลักษณะร่วมมือกัน หรือช่วยกันในการเรียนรู้ คือ
แต่ละคนต่างก็รับผิดชอบในการเรียนรู้ของตน
และในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยให้สมาชิกคนอื่นเรียนรู้ด้วย
องค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือไม่ได้มีความหมายเพียงว่า
มีการจัดให้ผู้เรียนเข้ากลุ่มแล้วให้งาน และบอกผู้เรียนให้ช่วยกันทำงานเท่านั้น
การเรียนรู้เป็นแบบร่วมมือได้ ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 5 ประการ คือ
1. การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน มีความตระหนักว่า
สมาชิกกลุ่มทุกคนมีความสำคัญ และความสำเร็จของกลุ่มขึ้นกับสมาชิกทุกคน
สมาชิกแต่ละคนจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อกลุ่มประสบความสำเร็จ
2. การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด
การที่สมาชิกในกลุ่มมีการพึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน
ในทางที่จะให้กลุ่มบรรลุเป้าหมาย สมาชิกของกลุ่มจะห่วงใย ไว้วางใจ ส่งเสริม
และช่วยเหลือกัน
3. ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
สมาชิกในกลุ่มการเรียนรู้ทุกคนจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบและพยายามทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ
4. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
และทักษะการทำงานกลุ่มย่อย การเรียนรู้แบบร่วมมือจะประสบความสำเร็จได้
ต้องอาศัยทักษะที่สำคัญหลายประการ เช่น ทักษะทางสังคม การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
5. การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือจะต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการทำงานของกลุ่มเพื่อช่วยให้กลุ่มเกิดการเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
ผลดีของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
1. มีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น
2. มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนดีขึ้น
3. มีสุขภาพจิตดีขึ้น
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีในการเรียนการสอน
1. ด้านการวางแผนจัดการเรียนการสอน กำหนดจุดมุ่งหมายของบทเรียนทั้งด้านความรู้และทักษะกระบวนการต่าง
ๆ
2. ด้านการสอน อธิบายคำชี้แจงเกี่ยวงานของกลุ่ม
ผู้เรียนต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน
3. ด้านการควบคุมกำกับและการช่วยเหลือกลุ่ม
4. ด้านการประเมินผลและวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้
สรุป
กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ
เป็นการเรียนรู้เป็นกลุ่มและสมาชิกในกลุ่มจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน 3-6 คน ซึ่งในการเรียนรู้จะต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการทำงานของกลุ่มเพื่อช่วยให้กลุ่มเกิดการเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่มครอบคลุมการวิเคราะห์เกี่ยวกับวิธีการทำงานของกลุ่ม
พฤติกรรมของสมาชิกกลุ่มและผลงานของกลุ่ม การวิเคราะห์การเรียนรู้นี้อาจทำโดยครู
หรือผู้เรียน หรือทั้งสองฝ่าย
การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่มนี้เป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ส่งเสริมให้กลุ่มตั้งใจทำงาน
เพราะรู้ว่าจะได้รับข้อมูลป้อนกลับ และช่วยฝึกทักษะการรู้คิด (metacognition)
คือสามารถที่จะประเมินการคิดและพฤติกรรมของตนที่ได้ทำไป ประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
คือ ผู้เรียนจะมีความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายมากขึ้น ผู้เรียนมีความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้น
อาทิ มีการปรึกษาหารือกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นต้น
และมีสุขภาพจิตที่ดี ในการจัดการเรียนการสอนครูควรจัดกิจกรรมที่เน้นการทำงานเป็นกลุ่มส่งเสริมให้มีการทำงาน
มีการเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิกในกลุ่ม
ที่มา
พรหมมา
วิหกไพบูลย์. (2558).[online]
http://learntheory58.blogspot.com/2015/06/blog-post.html. ทฤษฎีการเรียน รู้.สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2558.
ณัชชากัญญ์
วิรัตนชัยวรรณ (2553) ).[online]. https://www.l3nr.org/posts/386486.ทฤษฎีการเรียนรู้.สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน 2558.
ทิศนา
แขมมณี.2554.ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ.กรุงเทพมหานคร
: สำนักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น